แนวโน้มเทคโนโลยีในอนาคต

ในปัจจุบันนี้สิ่งที่กำลังได้รับความสนใจก็คือ เทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม ซึ่งเป็นการการสื่อสารที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญต่อการพัฒนาประเทศ ประเทศที่พัฒนาแล้วจะมีระบบสื่อสารโทรคมนาคมที่ทันสมัย ขณะเดียวกันพัฒนาการทางเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมก็ได้ก้าวหน้าขึ้นไปอีกมากเรามาดูเทคโนโลยีรูปแบบต่าง ๆ ที่กำลังเป็นที่นิยมกันในปัจจุบัน
++ แนวโน้มใน ด้านบวก ++
การพัฒนาเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมโยงกันทั่วโลก ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ช่องทางการดำเนินธุรกิจ เช่น การทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การผ่อนคลายด้วยการดูหนัง ฟังเพลง และบันเทิงต่างๆ เกมออนไลน์
👍การพัฒนาให้คอมพิวเตอร์สามารถฟังและตอบเป็นภาษา พูดได้ อ่านตัวอักษรหรือลายมือเขียนได้ การแสดงผลของคอมพิวเตอร์ได้เสมือนจริง เป็นแบบสามมิติ และการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัส เสมือนว่าได้อยู่ในที่นั้นจริง 👍การพัฒนาระบบสารสนเทศ ฐานข้อมูล ฐานความรู้ เพื่อพัฒนาระบบผู้เชี่ยวชาญและการจัดการความรู้
👍การศึกษาตามอัธยาศัยด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-learning) การเรียนการสอนด้วยระบบโทรศึกษา (tele-education) การค้นคว้าหาความรู้ได้ตลอด 24 ชั่วโมงจากห้องสมุดเสมือน (virtual library)
👍การพัฒนาเครือข่ายโทร คมนาคม ระบบการสื่อสารผ่านเครือข่ายไร้สาย เครือข่ายดาวเทียม ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ทำให้สามารถค้นหาตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ
👍การบริหารจัดการภาครัฐสมัยใหม่ โดยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและเครือข่ายการสื่อสารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการ ดำเนินการของภาครัฐที่เรียกว่า รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-government) รวมทั้งระบบฐานข้อมูลประชาชน หรือ e-citizen
--แนวโน้มใน ด้านลบ--
👎ความผิดพลาดในการทำงานของระบบ คอมพิวเตอร์ ทั้งส่วนฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ที่เกิดขึ้นจากการออกแบบและพัฒนา ทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบและสูญเสียค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหา
👎การละเมิดลิขสิทธิ์ของทรัพย์สินทางปัญญา การทำสำเนาและลอกเลียนแบบ👎การก่ออาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ การโจรกรรมข้อมูล การล่วงละเมิด การก่อกวนระบบคอมพิวเตอร์
โดยตัวชี้นำให้เห็นถึงแนวโน้มของเทคโนโลยีที่คาดว่าจะขึ้นตลอดทั้งปีนี้มี วิเคราะห์แนวโน้มเทคโนโลยีใหม่ทั้ง 8 อย่างที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ดังนี้
1.ชาร์จไร้สายแบบ Over-the-air

สมาร์ทโฟนในปัจจุบันหลายรุ่นรองรับการชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย (Wireless Charging) บ้างแล้ว แต่ข้อจำกัดของเทคโนโลยีในลักษณะนี้ยังต้องพึ่งพาแท่นชาร์จ แต่ความฝันของเทคโนโลยีนี้ต้องสามารถชาร์จแบบไร้สายได้อย่างแท้จริง หรืออีกนัยหนึ่งคือ “การส่งพลังงานเพื่อชาร์จผ่านทางอากาศ” (Over-the-air)
ซึ่งบริษัทแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า Energous ได้รับการอนุมัติจาก Federal Communications Commission คณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสารของสหรัฐฯ หรือ FCC สำหรับเครื่องส่งพลังงานไปยังอุปกรณ์ต่าง ๆ ในระยะ 3 ฟุต ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน, นาฬิกาอัจฉริยะ, คีย์บอร์ดไร้สาย เป็นต้น เป็นจุดเริ่มต้นของเทคโนโลยีส่งพลังงานแบบไร้สายผ่านทางอากาศ นอกจากนี้ยังมีบริษัท Powercast ที่นำเสนอเครื่องส่งพลังงานสำหรับการชาร์จแบบไร้สายได้ไกลถึง 80 ฟุต
2.ทีวีแบบ Micro-LED

ปกติเรามักได้ยินแต่ทีวีแบบ LED แต่สำหรับงาน CES 2018 มีการคาดการณ์ว่า Samsung เตรียมเปิดตัวทีวีแบบใหม่ที่เรียกว่า Micro-LED ที่ใช้หลอดไฟ LED ขนาดเล็กกว่า 100 micrometers ให้ประโยชน์ต่อการผลิตแสงในตัวเอง พร้อมอัตราความคมชัดสูงและให้สีดำที่ดำสนิท นอกจากนี้ยังเป็นทีวีที่มีอัตราการใช้พลังงานต่ำอีกด้วย
3.Smart home

เมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา อุปกรณ์ประเภทลำโพงอัจฉริยะสั่งงานด้วยเสียงได้ กลายเป็นเทรนด์ที่บริษัทด้านเทคโนโลยีให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก โดย Alexa จาก Amazon ถือเป็นอุปกรณ์ภายในบ้านที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศ ซึ่งหลังจากนั้นก็มีอีกหลายบริษัทก็ได้คิดค้นและพัฒนาอุปกรณ์ในลักษณะดังกล่าวออกมาชิงชัยกันอย่างคึกคัก
อุปกรณ์อัจฉริยะประเภท Smart Home ที่สามารถรับคำสั่งเสียงและเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ๆ ภายในบ้านได้ จะมีความฉลาดและทันสมัยมากขึ้น และคาดว่าจะได้อุปกรณ์ใหม่ ๆ ในลักษณะเดียวกันนี้เปิดตัวเพิ่มมากขึ้น
4.อีกก้าวของ Augmented reality

จากปรากฎการณ์ของเกม Pokemon GO ที่นำเสนอรูปแบบการเล่นเกมในลักษณะ Augmented reality หรือ AR จนกลายกระแสความนิยมไปทั่วโลก สร้างความคึกคักให้กับวงการ AR เป็นอย่างมาก และนั่นนำไปสู่การต่อยอดของการพัฒนา AR ร่วมกับเทคโนโลยีต่าง ๆ เป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้คนที่สามารถเข้าถึงโลกเสมือนจริงภายใต้โลกแห่งความเป็นจริงได้ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่หลายบริษัทจะนำเสนอเทคโนโลยี AR ใหม่ๆ ภายในงาน CES 2018 ได้แก่ Carl Zeiss, Occipital, Kinmo, Kodak, Royole และ Sony
5.สงครามในตลาด “โน้ตบุ๊ค” จะดุเดือดอีกครั้ง

ตลาดโน้ตบุ๊คที่ซบเซาไปหลายปี แต่คาดการณ์ว่าในจะได้เห็นการแข่งขันของผู้ผลิตโน้ตบุ๊คกันอย่างดุเดือด ซึ่งโน้ตบุ๊คประเภทที่มีน้ำหนักเบา ประสิทธิภาพสูง ตอบโจทย์การพกพา ดีไซน์สวยงาม สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนาน มีแนวโน้มได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น
ขณะเดียวในฝั่งผู้ผลิตซีพียูสองค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง Intel และ AMD จะยังขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือด และที่น่าจับตามอง คือ Qualcomm ที่เริ่มหันมาพัฒนาซีพียูสำหรับโน้ตบุ๊คที่ใช้ Windows 10 S โดยมี ASUS กับ HP ได้สองพาร์ทเนอร์แรก
6.หุ่นยนต์

อย่าหวาดวิตกครับว่าปีนี้เราจะมีหุ่นยนต์ประเภทเดียวกับในหนังอย่าง iRobot หรือ Terminator แต่หุ่นยนต์รุ่นใหม่ที่คาดว่าจะถูกนำมาโชว์ในงาน CES 2018 จะเน้นไปในเชิงการเป็นผู้ช่วยให้กับผู้คน หรือเป็นผู้ช่วยในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งสิ่งที่จะพัฒนามากขึ้น คือ Artificial Intelligence หรือ A.I. เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนหุ่นยนต์ให้มีความสามารถในการโต้ตอบกับผู้คนได้มากขึ้น เข้าใจในภาษาพูด สามารถวิเคราะห์และให้คำแนะนำ หรือช่วยตัดสินใจให้กับผู้คนได้มากขึ้น
7.สมาร์ทโฟน

แม้ตัวเลขการเติบโตของตลาดสมาร์ทโฟนจะไม่พงสูงมาก แต่การแข่งขันของผู้ผลิตจำนวนมากยังเป็นไปอย่างเข้มข้น งานออกแบบค่อนข้างเป็นไปในทิศทางที่ใกล้เคียงกัน รวมไปถึงสเปคและประสิทธิภาพที่ให้ความคุ้มค่าเกินราคา คาดว่าจะมีผู้ผลิตบางรายใช้โอกาสนี้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ซึ่งงานออกแบบอย่างตัวเครื่องที่ทำขึ้นจากกระจก, สัดส่วนหน้าจอ 18:9, กล้องคู่, ตัด headphone jack ทิ้ง และกันน้ำได้ จะมีมากับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ตั้งแต่ต้นปี
8.Smart Car

ตลอดปี 2017 ที่ผ่านมา ทิศทางของตลาดรถยนต์เริ่มพุ่งเป้าไปที่การพัฒนารถยนต์ส่วนบุคคลที่สามารถขับเคลื่อนเองได้อัตโนมัติ พร้อมระบบอัจฉริยะที่สามารถควบคุมและให้ความปลอดภัยกับคนนั่งได้ แถมช่วงปลายปีก็เริ่มมีค่ายรถยนต์บางรายเริ่มพัฒนารถโดยสารขนส่งสาธารณะแบบขับเคลื่อนเองอัตโนมัติบ้างแล้วเช่นกัน รวมไปถึงการพัฒนารถที่ใช้พลังงานไฟฟ้า, ไนโตรเจน หรือพลังงานอื่นๆ ทดแทนการใช้น้ำมัน
อ้างอิงจาก :.https://www.aripfan.com/ces-2018-trend-technology/
วันที่ 7 ธ.ค. 2018
ความคิดเห็นนี้ถูกลบโดยผู้ดูแลระบบของบล็อก
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ลบความคิดเห็นนี้ถูกลบโดยผู้ดูแลระบบของบล็อก
ตอบลบ